Systems Thinking แนวคิดเชิงระบบเพื่อการแก้ปัญหาและการพัฒนาในยุคดิจิทัล

ผู้อ่านหลายๆท่านอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับ Systems Thinking หรือแนวคิดเชิงระบบ แต่อาจจะไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก โดยการอธิบาย Systems Thinking สามารถกล่าวได้ว่าสิ่งนี้เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นเพื่อมุ่งเน้นการเข้าใจและวิเคราะห์ปัญหาโดยพิจารณาถึงระบบทั้งหมดและความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประกอบต่าง ๆ ในระบบนั้น ๆ โดยการสร้างวิธีหรือแนวคิดนี้ได้ถูกกำหนดเพื่อนำมาใช้สำหรับการแก้ปัญหาและพัฒนาองค์ความรู้ในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการพัฒนาการเติบโตทางเศรษฐกิจ การพัฒนาสังคม การสร้างประสิทธิภาพทางการศึกษา หรือการดำเนินธุรกิจให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ประกอบการ
แต่ในบทความนี้ทางผู้เขียนอยากจะเจาะลึกเฉพาะในส่วนของการพัฒนาองค์รวมในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีและข้อมูลมีบทบาทสำคัญอย่างมาก และมีความสำคัญที่ผู้คนในยุคปัจจุบันนั้นต้องทำการศึกษา เรียนรู้ เพื่อทำความเข้าใจข้อมูลพร้อมทั้งสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสอดคล้องมากที่สุด
Systems Thinking คืออะไร
Systems Thinking หรือแนวคิดเชิงระบบที่กล่าวไปข้างต้น คือกระบวนการที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยในการทำความเข้าใจและวิเคราะห์ปัญหาหรือข้อมูลที่มีข้อสงสัยหรืออยากดำเนินการพัฒนา โดย Systems Thinking มีส่วนสำคัญในการสร้างมุมมองเป็นระบบรวมทั้งหมด แทนที่จะมองแยกส่วนที่ทำให้เกิดความสับสนใจการจำแนกข้อมูลจนเกิดความสับสน แนวคิดนี้เน้นการดูปฏิสัมพันธ์และความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประกอบต่าง ๆ ในระบบ เพื่อให้เข้าใจถึงการทำงานของระบบในภาพรวมอย่างลึกซึ้ง หรืออาจจะกล่าวโดยรวมได้ว่า Systems Thinking คือกระบวนการคิดที่ลดความสับสนในการทำงาน การศึกษา สามารถสร้างการแก้ไขปัญหาที่ดี และมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
โดยหากกล่าวถึง Systems Thinking ในบริบทของโลกดิจิทัล จะพบได้ว่าแนวคิดนี้เป็นส่วนสำคัญที่สามารถสร้างสรรค์กระบวนการพัฒนาทางดิจิทัลที่เทคโนโลยีและข้อมูลมีบทบาทสำคัญ โดยหากมีการนำ Systems Thinking เข้ามาใช้อย่างเต็มที่จะพบได้ว่า กระบวนการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดการกับความซับซ้อนและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของข้อมูล หรือการดำเนินการต่าง ๆ
หลักการของ Systems Thinking

ในส่วนของการพิจารณาหลักการของ Systems Thinking โดยเฉพาะการนำมาใช้ในบริบทของโลกยุคดิจิทัลมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากแนวคิดนี้จะช่วยลดความซับซ้อนและสามารถสร้างความเชื่อมโยงระหว่างส่วนประกอบต่าง ๆ ที่มีมากขึ้นในกระบวนการเดิม การนำหลักการ Systems Thinking มาใช้จะช่วยในการวิเคราะห์ การตัดสินใจ และการแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถพิจารณาจำแนกหลักการสำคัญได้ดังนี้
1. การมองภาพรวม (Holistic View) เพื่อทำความเข้าใจรูปแบบของระบบทั้งหมด โดยแทนที่จะทำการศึกษาหรือมองสิ่งที่แตกต่างในระบบหรือกระบวนการ ให้ทำการมองภาพรวมช่วยให้เข้าใจถึงการทำงานร่วมกันของส่วนประกอบทั้งหมดที่อยู่ในกระบวนการแทน พร้อมทั้งสร้างกระบวนการรวบรวมข้อมูลจากส่วนต่าง ๆ เพื่อเชื่อมโยงและวิเคราะห์เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์ และท้ายที่สุดให้ทำการระบุชื่อของระบบนั้น ๆ
2. การระบุความสัมพันธ์และการปฏิสัมพันธ์ (Interrelationships) เพื่อทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประกอบ สิ่งสำคัญคือการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างส่วนต่าง ๆ ของระบบช่วยให้เข้าใจผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงหรือการตัดสินใจหนึ่งอย่างที่มีต่อระบบทั้งหมด เช่นหากพูดถึงการทำงานของคอมพิวเตอร์ก็จะต้องมี ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และคำสั่งของผู้ใช้งาน
3. ดำเนินการคิดเชิงกระบวนการ (Process Thinking) เพื่อสามารถมองการเปลี่ยนแปลงให้เกิดเป็นรูปแบบภาพจำที่นำไปจำแนกได้ในอนาคต วิธีการนี้สามารถนำไปใช้ในการสร้างวิธีการแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่การปรับปรุงกระบวนการ โดยหลังจากการทำความเข้าใจกระบวนการทั้งหมดแล้ว จะทำให้เห็นภาพว่าการใช้ Systems Thinking ช่วยให้มองเห็นโอกาสในการปรับปรุงกระบวนการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินการใด ๆ ได้เป็นอย่างดี
การนำ Systems Thinking มาใช้ในการศึกษา
เมื่อสามารถทำความเข้าใจกระบวนการคิดของ Systems Thinking แล้ว สิ่งสำคัญต่อมาคือความสามารถในการนำความรู้ที่มี มาพัฒนาและนำไปต่อยอดสำหรับใช้ในการศึกษา โดยเฉพาะในโลกยุคปัจจุบันที่สามารถพบได้ว่า เทคโนโลยีและดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาระบบการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่มีประสิทธิภาพ โดย Systems Thinking สามารถสร้างการตอบสนองต่อความต้องการ
หรือภาวะที่เทคโนโลยีนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ระบบการศึกษาไม่ว่าในไทยหรือต่างประเทศจำเป็นต้องมีการปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีและวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลาย การใช้ Systems Thinking สามารถช่วยในการออกแบบและพัฒนาระบบการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยสามารถจำแนกได้เป็นข้อต่าง ๆ ในส่วนด้านล่างนี้
1. การเรียนรู้ผ่านโครงการที่มีความสัมพันธ์กัน (Project-Based Learning)
การเชื่อมโยงการเรียนรู้และเทคโนโลยีผ่านโครงการที่มีความสัมพันธ์กัน มีความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะว่าในการเรียนรู้ของยุคปัจจุบัน ความรู้ต่าง ๆ มีการเชื่อมโยงและจำเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์หรือช่องทางต่าง ๆ อย่างสัมพันธ์กัน รวมไปถึงต้องมีการลงมือเพื่อเรียนรู้จริง ดังนั้นการใช้เทคโนโลยีในการเรียนการสอนควรถูกออกแบบให้สอดคล้องกับเป้าหมายการเรียนรู้และความต้องการของนักเรียน ผ่าน Project-Based Learning เพื่อทำให้เด็กสามารถเข้าถึงประสบการณ์ที่มากกว่าเพียงความเข้าใจในทฤษฎี และที่สำคัญที่สุด ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกำหนดทิศทางการศึกษาของเด็ก ควรสร้างรูปแบบสำหรับการทำความเข้าใจและสร้างการออกแบบหลักสูตร ด้วยแนวคิด Systems Thinking แบบบูรณาการที่มีประสิทธิภาพการเรียนรู้อย่างแท้จริง โดยหลักสูตรควรถูกออกแบบให้มีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในโลกดิจิทัล เช่น การรวมการเรียนรู้ผ่านออนไลน์ การเรียนรู้ผ่านการทำโปรเจค และการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ เป็นต้น
2. การพัฒนาทักษะการคิดเชิงระบบในห้องเรียน
คุณครูหรือผู้ปกครองที่รับผิดชอบด้านการสร้างทิศทางการเรียนรู้ของเด็ก ๆ นั้นควรตระหนักในการใช้สื่อการเรียนรู้แบบอินเตอร์แอคทีฟ เพื่อสามารถเป็นการสร้าง แนวคิดได้อย่างเป็นระบบ สอดคล้องกับ Systems Thinking โดยอาจจะมีการใช้สื่อการเรียนรู้ที่มีการโต้ตอบ เช่น เกมการศึกษาโดยเฉพาะ หรือสรรหารูปแบบแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ และการจำลองสถานการณ์ เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกทักษะการคิดเชิงระบบผ่านการทดลองและการสังเกต
เพราะการพัฒนาทักษะการคิดเชิงระบบในห้องเรียนผ่าน Systems Thinking ในยุคดิจิทัลไม่เพียงแต่ช่วยให้นักเรียนมีทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาที่ดีขึ้น แต่ยังสามารถทำให้เด็ก ๆ มีความพร้อมรับมือกับความซับซ้อนและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของข้อมูลในการเรียนรู้ท่ามกลางการเติบโตของโลกดิจิทัลได้เป็นอย่างดี
การพัฒนา Systems Thinking Skills

การพัฒนาทักษะการคิดเชิงระบบ หรือ Systems Thinking Skills โดยเฉพาะสำหรับโลกปัจจุบันที่ทุก ๆ อย่างล้วนเป็นดิจิทัลสามารถทำได้ผ่านหลายแนวทาง โดยอาจจะใช้ความครอบคลุมทางด้านการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาบูรณาการการเรียนรู้ พร้อมทั้งดำเนินการฝึกปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการพัฒนา Systems Thinking Skills มีความสำคัญอย่างมาก เพราะทุก ๆ อย่างในชีวิตประจำวันล้วนเป็นข้อมูล รูปแบบ หรือสอดแทรกเทคโนโลยีมามีบทบาทสำคัญ ซึ่งทำให้ผู้ที่สามารถทำความเข้าใจและแบ่งแยกข้อมูลเป็นระบบ จะสามารถสร้างความได้เปรียบทั้งการเรียนรู้ และการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
วิธีการพัฒนาทักษะการคิดเชิงระบบ
การพัฒนาความคิดเชิงระบบ หรือ Systems Thinking สามารถทำได้อย่างเริ่มต้นโดย มีนิสัยในการสังเกต และชอบในการพิจารณาปัจจัยเชิงเหตุผล หากจะเป็นการสอนนักเรียน ก็สามารถใช้วิธีสร้างการเรียนรู้ที่ทำให้เด็ก ๆ ต้องใช้ความคิดวิเคราะห์ในแง่ของปัจจัยเชิงเหตุผลและผลกระทบ เพื่อให้เข้าใจถึงการทำงานและการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว พร้อมทั้งทำให้เห็นความมสำคัญของการคิดในมิติของเวลา กล่าวคือฝึกให้นักเรียนพิจารณาผลกระทบทั้งในระยะสั้นและระยะยาวของการตัดสินใจหรือการเปลี่ยนแปลงของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และนำกลับมาคิดเป็นรูปแบบ
การฝึกฝนและการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
แน่นอนว่าการพัฒนา Systems Thinking อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ใครหลากหลายคนคุ้นเคยมากนัก เพราะแนวคิดนี้พึ่งได้ถูกเล็งเห็นความสำคัญจนถูกปฏิบัติได้ไม่นาน แต่ความเป็นจริง การพัฒนา Systems Thinking ไม่ใช่เรื่องที่ยาก เพียงแต่ต้องอาศัยความใส่ใจในทุกรายละเอียดที่อยู่รายล้อมรอบตัว หรือสามารถพูดได้โดยง่ายว่า ต้องมีการตระหนักของผลกระทบของสิ่งต่าง ๆ และสร้างแผนผังความคิดในทุก ๆ เรื่อง อย่างเช่นการวางแผนการเดินทาง ที่อาจจะมีสิ่งไม่คาดคิด แต่ก็สามารถสร้างแผนสำรองได้อยู่เสมอ
สรุป

Systems Thinking เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก ทั้งในส่วนของการสามารถสร้างการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ หรือการที่คนคนหนึ่งจะสามารถทำงานได้อย่างเป็นระบบ ทั้งในการสามารถลดระยะเวลาในการทำสิ่งหนึ่งและทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีกว่าได้ โดยหากจะพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้อง ต้องอาศัยการมีนิสัยช่างคิด ช่างสังเกต เพื่อทำความเข้าใจรูปแบบ ผลกระทบ และการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแม้ทักษะหรือแนวคิดนี้อาจจะเป็นเรื่องใหม่ แต่ก็ควรที่จะใส่ใจและให้ความสำคัญกับการพัฒนาให้เกิดความเชี่ยวชาญเป็นอย่างยิ่ง