Mindset คืออะไร? กรอบความคิดหรือทัศนคติทางจิตใจที่ควรเรียนรู้
mindset คือ กระบวนการของความรู้สึกนึกคิดอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นภายในสมอง กระบวนการนี้เกิดขึ้นได้โดยการเรียนรู้จากสถานการณ์ต่าง ๆ สิ่งแวดล้อม การเติบโต นั่นทำให้มนุษย์ทุกคนมีทัศนคติในการมองสิ่งต่าง ๆ และรับรู้โดยแตกต่างกันออกไป และในความคิดเหล่านั้นก็ย่อมมีทั้งด้านดีและด้านไม่ดีผสมกันอยู่
แต่สิ่งที่สำคัญคือ mindset เป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนพฤติกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ ส่งผลต่อการแสดงออกเพื่อตอบสนองสิ่งต่าง ๆ แม้กระทั่งในเรื่องของการตัดสินใจ เรียกได้ว่า mindset ของคุณเองจะเป็นเครื่องชี้นำคุณไปในทิศทางที่คุณเลือก ดังนั้น การมี mindsetที่ดีจึงมีความสำคัญมาก ๆ
Mindset สำคัญอย่างไร
อย่างที่ทราบกันแล้วว่า mindset สามารถชี้นำคุณไปในทางใดก็ได้ และส่งผลต่อมุมมองต่าง ๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึก พฤติกรรมต่าง ๆ หรือแม้แต่การตัดสินใจซึ่งส่งผลกับอนาคตและมีผลลัพธ์อื่น ๆ ที่อาจตามมา ตัวอย่างเช่น การที่คุณอาจจะประสบปัญหาหรือล้มเหลวกับตัวเลือกบางอย่าง แต่คุณยังมีความคิดที่จะไม่ลดละความพยายามและเดินหน้าต่อ แสดงให้เห็นว่าmindsetมีพลังในการผลักดันทุก ๆ อย่างในชีวิตของคุณ เช่นนั้นแล้วmindsetจึงมีความสำคัญมาก ๆ
Mindset ของคนสร้างขึ้นอย่างไร
mindset ของมนุษย์เกิดขึ้นจากสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ประสบการณ์ การศึกษา วัฒนธรรม รวมไปถึงการเติบโตเลี้ยงดู สิ่งเหล่านี้กรอบให้แต่ละบุคคลมีทัศนคติที่แตกต่างออกไป ทำให้ทุกคนมีมุมมองที่แตกต่างแม้จะเป็นในเรื่องเดียวกัน และเนื่องจากmindset เกิดจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างรอบตัวซึ่งปลูกฝังมาอย่างยาวนาน จึงทำให้mindsetเป็นสิ่งที่ยากที่จะเปลี่ยนแปลงและปรับเปลี่ยนโดยทันที ต้องใช้การเปิดใจ การมองมุมใหม่ การยอมรับ และเวลา
8 กรอบความคิด Mindset สำคัญ
หากหางเสือเป็นเครื่องมือในการควบคุมทิศทางของเรือแล้ว ในมนุษย์ก็มี mindset หรือ กรอบความคิดที่ทำหน้าที่เป็นสิ่งที่ควบคุมทิศทางในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่จะศึกษาและทำความเข้าใจกับระบบมายเซ็ทของตนเองให้ดีที่สุด การที่คุณสามารถเข้าใจกรอบความคิดของตนเองได้ก็จะช่วยให้คุณสามารถประเมินแนวทางในการดำเนินชีวิตได้ ซึ่งกรอบความคิดต่าง ๆ สามารถแยกย่อยออกมาเป็น 8 กรอบความคิดนี้
1. Growth Mindset
คือ mindset ของการเติบโต ในที่นี้หมายถึงการมีแนวคิดในการพัฒนาไปข้างหน้า ไม่หยุดอยู่กับที่ มีทัศนคติต่อสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิตเป็นเหมือนความท้าทาย เป็นโอกาสในการพัฒนาตนเอง ซึ่งหนึ่งจุดเด่นของกรอบความคิดนี้ก็คือ การไม่พูดคำว่า “ไม่” ทุกอย่างเป็นไปได้ และไม่มีอะไรที่ยากเกินความสามารถ ดังนั้น แนวคิดแบบ growth mindset ก็คือความคิดที่จะพัฒนาตนเองไปข้างหน้าสู่ความสำเร็จ
2. Fixed Mindset เป็นกรอบความคิดที่ตรงกันข้ามกับ Growth mindset โดยสิ้นเชิง เช่น เมื่อมีปัญหาใด ๆ เข้ามา ก็จะมองหาทางหนีออกจากปัญหาเหล่านั้น อยู่ใน comfort zone ตัวเอง และเมื่อพบเจอความล้มเหลวก็ไม่เลือกที่จะเรียนรู้และพยายามใหม่อีกครั้งแต่ก็จะล้มเลิกการทำสิ่งสิ่งนั้นไปเลย ซึ่งการที่มีmindsetประเภทนี้ก็จะส่งผลให้การพัฒนาและการเรียนรู้เกิดขึ้นน้อยมาก ๆ หากรู้ว่าตนเองมีความคิดประเภทนี้ก็ควรที่จะปรับเปลี่ยน ก้าวออกจาก comfort zone เพื่อเป็นการสร้างmindsetที่ดีให้กับตนเอง
3. Outward Mindset คือแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับผลลัพธ์และการแก้ปัญหา โดยต้องให้ความสำคัญทั้งกับตัวเองและผู้อื่นด้วย เช่นการทำงานเป็นทีมที่ต้องการการรับฟังความคิดเห็นจากผู้อื่นร่วมด้วย เพื่อให้ได้ผลงานที่ดีที่สุด mindsetนี้จะเป็นประโยชน์มาก ๆ ในการทำงานร่วมกับผู้อื่น
4. Inward Mindset เรียกได้ว่าเป็นกรอบความคิดที่มีตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง ให้ความสำคัญกับตัวเองเป็นที่หนึ่ง ไม่รับฟังผู้อื่น เป็นmindsetที่สามารถส่งผลกระทบต่อตัวคุณเองได้โดยเฉพาะในการทำงานเป็นทีม อาจทำให้เกิดการขัดแย้งกันภายในทีมได้ เรียกได้ว่ากรอบความคิดนี้นับเป็นความคิดที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัวเลยก็ว่าได้
5. Entrepreneurial Mindset หรือ กรอบความคิดแบบผู้ประกอบการ เป็นแนวคิดในแง่ของการลงมือปฏิบัติ เพื่อที่จะแก้ไขปัญหา ให้บรรลุตามเป้าหมาย ซึ่งต้องมีทักษะบางอย่างประกอบด้วย เช่น ความช่างสังเกต การตั้งคำถามเพื่อการหาข้อมูลที่เพิ่มขึ้น การประเมินปัญหา รวมไปถึงการเข้าใจจิตใจของผู้อื่นด้วย
6. Agile Mindset คือแนวคิดในการบริหารจัดการสิ่งต่าง ๆ อย่างทันสมัย นั่นหมายความว่าต้องเปิดใจ พร้อมที่จะเรียนรู้และปรับตัวไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอยู่เสมอ ไม่ยึดติดอยู่กับสิ่งเก่า ๆ ก้าวทันโลก และmindsetนี้ยังรวมไปถึงการคิดที่จะเปลี่ยนแปลงพัฒนาจากสิ่งที่มีอยู่แล้วสู่สิ่งใหม่ ๆ ให้ดีขึ้นด้วย
7. Digital Mindset กรอบความคิดแบบดิจิทัล นอกจากการปรับตัวให้ทันตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีต่าง ๆ ก็พัฒนาอยู่ตลอดเวลา จึงมีความจำเป็นมากที่เราต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง ปรับตัวเองให้เข้าถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ แล้วการใช้ชีวิตของคุณก็จะง่ายขึ้นด้วย
8. Innovation Mindset หรือกรอบความคิดในเชิงของนวัตกรรม แต่นวัตกรรมในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่หมายถึงการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเดิมที่มีอยู่และพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น mindsetนี้จะทำให้คุณมีความคิดที่ดีขึ้น มองทุกอย่างว่าเป็นไปได้ เรียนรู้ไปกับทุกอย่างลงมือทำจนไปถึงความสำเร็จ
Mindset ที่ดีอยากมี ต้องทำอย่างไร
แม้ว่าการปรับเปลี่ยน mindset จะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากและใช้เวลา แต่การมี mindset ที่ดีเป็นสิ่งที่สามารถสร้างขึ้นมาได้ อย่างแรกที่สุดคือการยอมรับตัวเองก่อนว่าตัวเรายังต้องการการพัฒนา จากนั้นเริ่มต้นมองหาจุดที่ควรต้องปรับปรุง แค่คุณยอมรับตนเองและวางแผนที่จะปรับเปลี่ยนนั่นก็นับได้ว่าคุณเริ่มมี mindsetที่ดีแล้ว นอกเหนือไปจากการยอมรับตนเองก็ยังมีวิธีอื่น ๆ ที่จะช่วยในการเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลง เช่น
1. อย่าได้สนใจสิ่งรอบข้างหรือคำพูดของคนอื่น ๆ
มุ่งมั่นและโฟกัสแค่เสียงที่อยู่ภายในใจคุณก็เพียงพอแล้ว หากคุณโฟกัสกับคำพูดของคนอื่น ๆ รอบตัวมากจนเกินไป อาจทำให้ mindset ของคุณเกิดความไขว้เขว ตั้งเป้าหมายของคุณให้ชัดเจนเข้าไว้ อย่าปล่อยให้คำพูดของใครก็ตามมาหยุดความมุ่งมั่นนี้
2. ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ
Nobody’s perfect and there’s no need to be perfect. ทุกคนล้วนเคยทำผิดพลาด ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ในเมื่อไม่มีใครสมบูรณ์แบบก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเอาความกดดันมาใส่ให้กับตัวเอง ขอเพียงคุณเข้าใจตัวเองและยอมรับความผิดพลาด ขอแค่เป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุดก็พอแล้ว แค่คุณเข้าใจและยอมรับตนเองได้นั่นก็เป็นการเพิ่มmindset ที่ดีให้กับตัวเองแล้ว
3. หยุดเปรียบเทียบ
เป็นเรื่องปกติที่คนเรามักจะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น โดยเฉพาะในยุคนี้ที่มีโซเซียลมีเดียที่ทำให้เรารับรู้เรื่องราวในชีวิตของคนอื่นได้มากขึ้น แต่การเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้มีข้อดีอะไรต่อตัวคุณเองเลย ซ้ำยังเป็นการกดดันตัวเองและทำให้คุณไม่มีความสุขในการใช้ชีวิตไปอีก ทางที่ดีจึงควรปรับ mindset ของคุณให้มุ่งมั่นกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ พอใจกับสิ่งที่ตนเองมี ทุกคนล้วนมีเส้นทางและต้นทุนที่แตกต่างกัน
4. อย่ากลัวที่จะผิดพลาด ให้มองความผิดพลาดเป็นบทเรียนที่จะได้เรียนรู้เพื่อความสำเร็จ
คำกล่าวที่ว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น หลาย ๆ คนอาจมองว่าคำกล่าวนี้ไม่ได้เป็นจริงเสมอไป เพราะหลายต่อหลายครั้งที่ความพยายามนั้นไม่ได้นำพาไปถึงความสำเร็จ แต่จริง ๆ แล้วทุก ๆ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทุก ๆ ความพยายามที่ทุ่มเทลงไปนั้นไม่มีอะไรเสียเปล่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คุณได้รับประสบการณ์มากมาย ลองปรับ mindset เสียใหม่ ให้มองความผิดพลาดเป็นโอกาสการเรียนรู้และลดโอกาสในการทำผิดพลาดซ้ำในอนาคต ทุกความผิดพลาดคือบทเรียนให้คุณพัฒนาตนเองต่อไปในอนาคต
5. เลือกเสพข้อมูลดี ๆ แรงบันดาลใจดี ๆ
ปัจจัยหนึ่งในกระบวนการสร้าง mindset ก็คือสิ่งแวดล้อม หากต้องการให้มีมายเซ็ทที่ดีก็ต้องเลือกพาตัวเองไปอยู่ในที่ดี ๆ รายล้อมตนเองด้วยผู้คนดี ๆ หรือเลือกรับสื่อดี ๆ เมื่อรอบ ๆ ตัวของคุณรายล้อมไปด้วยสิ่งดี ๆ ก็จะส่งผลให้คุณมีพลังงานบวกเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการหาแรงบันดาลใจดี ๆ ให้กับตนเอง ในบางครั้งคุณอาจรู้สึกหมดไฟหรือท้อถอยไปบ้าง การมองหาแรงบันดาลใจดี ๆ ก็มีส่วนช่วยเติมไฟให้คุณเดินหน้าต่อได้
สรุป
Mindset คือ กระบวนการทางความคิดอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นภายในสมอง โดยมีสิ่งแวดล้อมและปัจจัยต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นมา ซึ่งทำให้แต่ละบุคคลก็มีแนวคิดที่แตกต่างกันออกไป และmindsetก็มีความสำคัญมากเพราะมันสามารถนำพาคุณไปในทางใดก็ได้ ดังนั้น การมี mindset ที่ดีจึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ ซึ่งระบบมายเซ็ทก็สามารถแยกย่อยออกไปได้หลายรูปแบบมีทั้งด้านที่ดีและด้านที่ไม่ดี อย่างไรก็ตามก็ยังมีหลายวิธีที่จะช่วยพัฒนาระบบmindset