Metaverse คืออะไร ทำอะไรได้บ้าง ฉบับเข้าใจง่าย
Metaverse มาจากคำว่า Meta กับ Verse รวมแล้วได้ความหมายว่าเป็น “จักรวาลที่อยู่เหนือจินตนาการ” โลกอีกใบที่ให้ผู้คนได้เข้ามามีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันผ่านการจำลองเป็นตัวละครต่าง ๆ (Avatar) ซึ่งขอบเขตของ Metaverse เป็นอะไรก็ได้ ที่เกิดจากเทคโนโลยีและช่วยเชื่อมต่อผู้คนให้สามารถสื่อสารและทำกิจกรรมร่วมกันได้ ทำให้ชาวโลกตื่นเต้นกับประสบการณ์ใหม่นี้
ภาพประกอบ: เทคโนโลยี Metaverse ยกระดับโลกไร้พรมแดน
ขอบคุณภาพจาก https://jobs.washingtonpost.com/getasset/1e40a43e-c2ef-4ac9-b5db-b624f3e9838b/
Metaverse คืออะไร ?
“Metaverse” หรือโลกเสมือนจริงแบบ 3D ที่เป็นแนวทางการดำเนินงานใหม่ของบริษัท “Meta” แต่เดิมคือแพลตฟอร์ม Social Media Marketing ชื่อดังอย่าง Facebook ซึ่งผู้ก่อตั้ง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ต้องการพัฒนาเทคโนโลยี Metaverse ให้กลายเป็นอนาคตของ Social Media หมายความว่าในอนาคตอันใกล้เราจะเข้าสู่โลกไร้พรมแดนอย่างแท้จริง เราจะไม่หยุดเพียงแค่การคุยโทรศัพท์ วิดีโอคอล หรือแชทหากันเท่านั้น แต่ยังจะสามารถเข้าไปทำงาน เล่น เรียน ทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันผ่านโลกออนไลน์ได้
นิยามที่แท้จริงของ Metaverse นั้นยังไม่มีแน่ชัดเพราะในปัจจุบันยังคงเป็นแนวคิดในอุดมคติที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงอย่างสมบูรณ์ ภาพรวมของ Metaverse ในตอนนี้จึงมีความใกล้เคียงกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (World Wide Web) แห่งอนาคตที่ค่อย ๆ กลายเป็นรูปแบบ 3 มิติ ที่เหมือนเป็นการจำลองโลกทางกายภาพให้ไปอยู่ในโลกคู่ขนานรูปแบบดิจิทัล
ความเป็นมาของ Metaverse
เทคโนโลยี Metaverse ได้รับการพูดถึงทั่วโลกภายในช่วงข้ามคืนตั้งแต่เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2021 หลังจากที่ Mark Zuckerberg CEO ของ Facebook ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “Meta” และประกาศการดำเนินงานใหม่ของบริษัทโดยมีวัตถุประสงค์และจุดมุ่งหมายขององค์กรคือการสร้าง “Metaverse” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอย่างมาก ซึ่งต้องอาศัยการสนับสนุนจากบริษัทที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีทั่วโลก ดังนั้น ในการสร้าง Metaverse บริษัท Meta จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาการศึกษาและพัฒนาร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ที่เป็นผู้นำทางเทคโนโลยี เพื่อพัฒนา Metaverse หรือโลกเสมือนจริงในอนาคตให้สามารถเกิดขึ้นจริงได้ ไม่อยู่แค่เพียงอุดมคติเท่านั้น
ภาพประกอบ: Mark Zuckerberg ผู้ที่ริเริ่มและต้องการพัฒนาเทคโนโลยี Metaverse
Metaverse มีประโยชน์อย่างไร
เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับโลกเสมือนอย่าง Metaverse นั้นถูกนำมาใช้บ้างแล้วในบางสายงานซึ่งเป็นตัวช่วยและอำนวยความสะดวกได้อย่างหลากหลาย ประโยชน์ของ Metaverse ในด้านต่าง ๆ มีดังนี้
- ด้านการแพทย์: Metaverse มักจะถูกนำมาใช้เพื่อการศึกษาด้านการแพทย์ ช่วยให้แพทย์ฝึกหัดตลอดจนแพทย์ผู้ชำนาญการสามารถฝึกซ้อมทำศัลยกรรมต่าง ๆ ได้ภายในโลกเสมือนจริง และช่วยให้เกิดการรักษารูปแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นผ่านการจำลองการรักษาผ่านเทคโนโลยีเมตาเวิร์ส
ตัวอย่างเช่น การสร้าง Digital Twin ที่นำข้อมูลในโลกจริงของผู้ป่วยมาจำลองการรักษาหลาย ๆ รูปแบบทำให้มีทางเลือกในการรักษาอย่างหลากหลายและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถทำการผ่าตัดทางไกล และการให้ผู้ป่วยใช้ Telepresence เพื่อพบแพทย์หรือรับการบำบัดทางไกลโดยไม่ต้องเดินทางมาพบแพทย์ เป็นต้น
- ด้านการศึกษา: การศึกษาในโลก Metaverse จะทำให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น (Immersive Experience) จากการใช้เทคโนโลยี Metaverse ต่าง ๆ ทั้ง VR, AR และเทคโนโลยี Hologram
ตัวอย่างเช่น การจำลองสถานที่โดยใช้เทคโนโลยี Metaverse ให้เข้าไปสัมผัสสถานที่ทางประวัติศาสตร์จริง และการจำลองเหตุการณ์ในอดีตอย่างสมจริง เป็นต้น
- ด้านวิศวกรรม: การสร้างวัตถุจำลองและทดสอบใช้งานเสมือนจริงในโลก Metaverse เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย มั่งคง แข็งแรง และใช้งานได้จริง เช่น การออกแบบหุ่นยนต์หรือเครื่องจักร แล้วจำลองการทำงาน และการจำลองติดตั้งเครื่องจักรและทดลองใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ ผ่านเทคโนโลยี Metaverse
- ด้าน E-commerce: ในปัจจุบันเราสามารถเข้าไปเลือกชมสินค้าในร้านได้โดยตรงผ่าน Metaverse และมีบริการจากพนักงานเสมือนพาไปเดินชมสินค้าที่ร้านจริง ๆ ซึ่งเป็นการเปิดโลกใหม่ที่การซื้อขายทางไกลจะไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่บนแพลตฟอร์มเว็บไซต์และ Social Media เท่านั้น
- ด้านการลงทุน: Mataverse ทำให้เกิดระบบเศรษฐกิจบนโลกเสมือน ทำให้ในอนาคต อสังหาริมทรัพย์ สกุลเงินดิจิทัล และที่ดินภายใน Metaverse เป็นสิ่งที่สามารถจับจองซึ่งเป็นการลงทุนในโลกเสมือน ทำให้เศรษฐกิจด้านการลงทุนเฟื่องฟูอีกครั้ง
- ด้านการท่องเที่ยว: ในอนาคตอันใกล้โลกเสมือนอย่าง Mataverse จะเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกให้เราได้ไปท่องเที่ยวที่ไหนก็ได้อย่างไร้พรมแดน อีกทั้งยังสามารถจำลองโบราณสถานรวมถึงโบราณวัตถุต่าง ๆ ที่หวงห้ามให้สามารถเข้าไปดูได้อย่างใกล้ชิดโดยไม่ทำให้เสียหาย
- ด้านสื่อบันเทิง: เทคโนโลยี Mataverse ช่วยให้สามารถสร้างละครหรือจัดคอนเสิร์ต รวมไปถึงมหรสพต่าง ๆ ในโลกเสมือนจริงให้ผู้เข้าชมเข้าไปร่วมและรับประสบการณ์ที่ไร้ขีดจำกัดได้อย่างไม่มีขอบเขต
- ด้านการพัฒนาเกม: อุตสาหกรรมเกมนั้นถือว่าเป็นวงการที่ก้าวหน้าเรื่องการนำ Metaverse เข้ามาใช้เป็นอย่างมาก โดยในปัจจุบันเราจะเห็นเกม VR/AR มากขึ้น และบริษัทเกมต่าง ๆ ก็เร่งพัฒนาอุปกรณ์สำหรับเล่นเกมในโลกเสมือนให้สมจริงมากขึ้น และในตอนนี้ก็เริ่มมีเกมที่เปิดให้สามารถเข้าไปเล่นในโลกเสมือนได้แล้ว ในอนาคตอันใกล้นี้การเข้าไปอยู่ในเกมแบบในแอนิเมชันเรื่อง “Sword Art Online” อาจจะไม่ใช่แค่เรื่องจินตนาการ
Metaverse กับ Cryptocurrency เกี่ยวข้องกันอย่างไร
แนวคิดของ Metaverse เริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างก็ในช่วงที่มีโรคระบาดอย่าง Covid-19 ที่ทุกคนจะต้องมีการรักษาระยะห่างทางสังคม ส่งผลให้ผู้คนต้องทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่างผ่านทางไกลเพื่อมีปฏิสัมพันธ์กับคนในโลกดิจิทัลได้อย่างไร้พรมแดนโดยใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เป็นหลัก
นอกจากนั้นสกุลเงินดิจิทัลหรือที่เรียกกันว่า Cryptocurrency และสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นเป็นที่สนใจเป็นอย่างมาก เพราะผู้คนได้รับรู้ว่าเราสามารถซื้อ-ขายสินค้าและบริการด้วยเงินสมมติในโลกดิจิทัลได้ รวมทั้งสามารถลงทุนในทรัพย์สินต่าง ๆ ผ่านโลกเสมือนได้ เมื่อสกุลเงินดิจิทัลได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางแล้ว เป็นการส่งผลให้การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ทางดิจิทัลเป็นสิ่งที่สามารถเข้าถึงได้และมีอยู่จริงมากขึ้น นอกจากนั้นการลงทุน การทำงาน และการได้รับค่าตอบแทนในโลกเสมือนก็อาจทำให้ร่ำรวยขึ้นในโลกความเป็นจริงได้อีกด้วย
ตัวอย่างการนำเทคโนโลยี Metaverse มาใช้งาน
- Facebook/Meta Platforms Metaverse Facebook คือ จุดกำเนิดที่ทำให้คนทั่วโลกตื่นตัวและรู้จักกับ “โลกเสมือน” โดย Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งบริษัท Facebook ได้กำหนดนโยบายและทิศทางของบริษัทใหม่เป็นการณ์ใหญ่ จากที่มุ่งเน้นวัตถุประสงค์ไปที่การสร้างและพัฒนาแพลตฟอร์ม Social Media อย่าง Facebook และ Instagram ก็เปลี่ยนนโยบายมาให้ความสำคัญกับการสร้างโลกเสมือนหรือ Metaverse ภายใต้แนวคิด “Bring the metaverse to life.”
- Microsoft (MSFT) ถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้จักบริษัท Microsoft กันดีในฐานะบริษัทซอฟต์แวร์สำนักงาน แต่ก็มีการเปิดตัวโลกเสมือนจริงอย่าง Mesh สำหรับ Microsoft Team โดยเทคโนโลยี Metaverse หรือโลกเสมือนที่ Microsoft มุ่งมั่นพัฒนานี้จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงพื้นที่การทำงาน (Work Space) และวิถีการทำงานในอนาคตของหลาย ๆ คนอย่างแน่นอน
ภาพประกอบ: Mesh ที่พัฒนาโดยบริษัท Microsoft เมื่อใช้ควบคู่กับ Microsoft Team
- Metaverse Human คือ มนุษย์เสมือนจริงที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี AR หรือ Augmented Reality และ VR เสมือนจริง หรือ Virtual Reality Technology เข้าด้วยกัน ปัจจุบันในประเทศไทยมีการเปิดตัว Metaverse Human ในรูปแบบ Influencer แล้ว 2 คน ได้แก่ Aylinn และ Kati
ภาพประกอบ: Aylinn Virtual Influencer หรือ Metaverse Human คนแรกของไทย
ภาพประกอบ: Kati Virtual Influencer หรือ Metaverse Human ที่สร้างโดยทีมงานไทย
ขอบคุณภาพจากhttps://s359.kapook.com/r/600/auto/pagebuilder/06edd886-e4d6-40e1-871d-0c90aa99a66c.jpg
5 ประเภทของโลกเสมือนจริงใน Metaverse
Metaverse คือโลกเสมือนที่เปิดให้เราสามารถจำลองเชื่อมต่อตัวเอง เข้ากับเทคโนโลยีต่าง ๆ (Multi-Technology) เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ที่เหมือนจริง และไร้ขีดจำกัด โดยสามารถแบ่งได้ 5 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
1. Virtual World
Virtual World นั้นเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานของ Metaverse เนื่องจากเป็นการสร้างสถานที่ที่ให้เราเข้าไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ หากไม่มีพื้นที่กลางสำหรับสร้างสรรค์ประสบการณ์เสมือนและเชื่อมต่อเทคโนโลยีในแกนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถเกิดเป็นโลกเมตาเวิร์สได้นั่นเอง
โดย Virtual World คือ โลกที่ตั้งอยู่บนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ไม่ใช่สถานที่ที่มีอยู่จริงทางกายภาพ ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงผู้คนเข้าไว้ด้วยกันผ่านความเชื่อและเทคโนโลยีบางอย่าง จึงเกิดเป็นคำที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ ว่า “สังคมเสมือน” หรือ “ชุมชนเสมือนจริง” (Virtual Community)
2. Virtual Reality (VR)
Virtual Reality หรือ VR คือ เทคโนโลยีที่จำลองสถานที่และเหตุการณ์ขึ้นมา เพื่อให้รู้สึกเหมือนว่าเราได้เข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริง หรือ Virtual World โดยเราจะสามารถโต้ตอบกับสิ่งของ ผู้คน และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ภายในโลกเสมือนจริงได้ผ่านอุปกรณ์ป้อนข้อมูลต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ที่คุ้นเคยกัน รวมไปถึงอุปกรณ์สวมใส่ที่พัฒนาเพื่อใช้กับเทคโนโลยี Virtual Reality โดยเฉพาะอย่างเช่น แว่น VR ถุงมือ ถุงเท้า ฯลฯ
ภาพประกอบ: เกม Beat Saber เป็นเทคโนโลยี Virtual Reality (VR)
ขอบคุณภาพจาก https://siamvr.com/wp-content/uploads/2018/05/beat-saber-gameplay.jpg
3. Mixed Reality
Mixed Reality หรือ MR มีชื่อภาษาไทยเรียกว่า “ความเป็นจริงผสม”หมายถึง เทคโนโลยีที่ผสาน VR และ AR เข้าด้วยกัน เป็นเทคโนโลยี Metaverse ที่เชื่อมโยงระหว่างโลกทางกายภาพ (Physical World) กับโลกดิจิทัล (Digital World) เข้าด้วยกันเพื่อให้เราได้รับประสบการณ์อย่าง ‘ดื่มด่ำ’ (Immersive Experience) โดยเราจะรู้สึกได้ถึงวัตถุและสถานที่ต่าง ๆ จากทั้งสองโลก การกระทำของเราสามารถส่งผลถึงวัตถุในโลกเสมือนจริง และปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ในโลกกายภาพก็ยังสามารถส่งผลต่อวัตถุในโลกเสมือนได้ด้วย
4. Augmented Reality (AR)
AR หรือ Augmented Reality คือ เทคโนโลยี Metaverse ที่จำลองวัตถุ 3 มิติ มาอยู่ในโลกชีวิตจริงของเรา โดยสามารถมองเห็นได้ผ่านอุปกรณ์แสดงผล ไม่เพียงเท่านั้น ในปัจจุบันเทคโนโลยี Metaverse แบบ AR ยังทำให้เราสามารถสัมผัสวัตถุเสมือนจริงผ่านอุปกรณ์สวมใส่ที่มีเซนเซอร์ได้ด้วย
ภาพประกอบ: เกม Pokemon GO เป็นเทคโนโลยี Augmented Reality (AR)
ขอบคุณภาพจาก https://cdn.mos.cms.futurecdn.net/Tpm9rUfmn9rfAeKa6Ywkrk-1200-80.jpg
5. Virtual Economies
Virtual Economy หรือ Metaverse Economy คือ ระบบเศรษฐกิจบนโลกเสมือนจริง มีอีกชื่อเรียกว่า “Synthetic Economy” (ระบบเศรษฐกิจสังเคราะห์) หมายถึง ระบบเศรษฐกิจบนโลกออนไลน์ ซึ่งมีสินทรัพย์ที่ครอบครองได้ มีการแลกเปลี่ยนซื้อ-ขายกัน และมีการกำหนดมูลค่าสิ่งต่าง ๆ ได้เช่นเดียวกับเศรษฐกิจบนโลกทางกายภาพและ Virtual Economies นั้นสามารถสร้างผลกระทบได้ในโลกจริง
5 เทคโนโลยีที่เกี่วข้องกับเทคโนโลยี Metaverse
เทคโนโลยี Metaverse นั้นเป็นเทคโนโยีที่ครอบคลุมการทำงานในหลาย ๆ ด้านและมีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้งาน ซึ่งวันนี้ Code Genius จะพาไปทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งไปอีกขั้นว่าการใช้งานเทคโนโลยี Metaverse จะต้องใช้งานเทคโนโลยีหลัก ๆ ดังนี้
1. Communication and Computing Infrastructure
เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับระบบเครือข่ายและการสื่อสารที่เป็นรากฐานของ Metaverse ก็คือเทคโนโลยีสัญญาณ 5G และ 6G ซึ่งมีจุดเด่นที่เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารที่มีเสถียรภาพ มีความเร็วสูง มีความหน่วงต่ำ ซึ่งจะช่วยให้สามารถเชื่อมต่อโลกจริงและโลกเสมือนจริงเข้าด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. Management Technology
เทคโนโลยีการจัดการ เป็นตัวช่วยเชื่อมต่อโลกจริงกับโลก Metaverse ให้สอดคล้องและต่อเนื่องกัน ซึ่งเทคโนโลยีการจัดการมักจะประกอบไปด้วย เทคโนโลยีจัดการพลังงาน เทคโนโลยีจัดการทรัพยากร และเทคโนโลยีจัดการการปฏิสัมพันธ์ในโลกเสมือน หรือ Session Management
3. Fundamental Common Technology
เทคโนโลยีที่เป็นรากฐานของการสร้างโลกเสมือนจริง หรือ Metaverse คือ ระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) การจัดการเรื่องพื้นที่กับเวลา รวมทั้งการจัดการเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่จะต้องรักษาข้อมูลเฉพาะของผู้ใช้ ซึ่งองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้ทั้ง 3 เทคโนโลยีนี้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพคือข้อมูลจากฐานข้อมูลที่ปลอดภัยมีความมั่นคงน่าเชื่อถือ พลังการประมวลผล และความสามารถของ Algorithm
4. Virtual Reality Object Connection
การจะเชื่อมต่อโลกความจริงให้เข้ากับโลกเสมือนเพื่อสร้างการจำลองสิ่งต่าง ๆ จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยี Metaverse เป็นตัวเชื่อม ซึ่งเทคโนโลยีที่ทำหน้าที่เป็น Object ในการเชื่อมต่อโดยตรง ได้แก่ Blockchain, Distributed Storage และ Distributed Computing
5. Virtual Reality Space Convergence
สเปสคืออะไร? Space เป็นพื้นที่สำหรับแสดงผลบนโลก Metaverse จะเกี่ยวข้องกับ 2 เทคโนโลยีหลัก ๆ ได้แก่ AR หรือ Augmented Reality และ VR เสมือนจริง หรือ Virtual Reality Technology และในปัจจุบันมี MR หรือ Mixed Reality ที่ผสมผสานระหว่าง AR และ VR เข้าด้วยกันเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เพิ่มขึ้นมา
สรุป ภาพรวมของ Metaverse
หลาย ๆ คนอาจมองว่า Metaverse เป็นเรื่องเพ้อฝันในนิยายวิทยาศาสตร์หรืออาจมองว่าเป็นสิ่งไกลตัว แต่ในปัจจุบัน Metaverse นั้นเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ใกล้ตัวกว่าที่คิด เพราะได้มีการแทรกซึมเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่รองรับแนวความคิด Metaverse เข้ามาในวิถีชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อย ๆ มีธุรกิจและบริการต่าง ๆ ทีมีบริการเพื่อรองรับการใช้ชีวิตของเราบนโลกเสมือนจริงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบเศรษฐกิจจากเทคโนโลยี Blockchain ผลงานศิลปะ NFT (Non-Fungible Token) และสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ที่เป็นรูปแบบ 3 มิติ (3D) ที่เปิดให้สามารถทำการซื้อ-ขายได้ในโลกเสมือนจริง
ซึ่งการมีแนวความคิดที่ต้องการให้มี Metaverse นั้นเป็นผลให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมากมายเพื่อรองรับความต้องการและเตรียมพร้อมสำหรับการใช้งานโลกเสมือน ทำให้เทคโนโลยีต่าง ๆ ถูกพัฒนาอย่างหลากหลาย มีการเติบโตของวิทยาการและการค้นคว้าใหม่ ๆ อย่างก้าวกระโดด และถ้าหากโลกเมตาเวิร์สเสร็จสมบูรณ์และใช้งานได้จริงเมื่อไหร่ อาจเป็นการปฏิวัติด้านเทคโนโลยีสู่อีกยุคหนึ่งเลยก็ว่าได้ การติดต่อสื่อสารกันจะง่ายดายมากยิ่งขึ้นและจะเป็นโลกไร้พรมแดนที่แท้จริง