Positive thinking หรือที่หลายคนเข้าใจความหมายว่า การมองโลกในแง่ดีนั้น อาจจะมีการถูกกล่าวขึ้นหลาย ๆ ครั้ง ในหลายบริบทของการพูดคุย เช่น เมื่อมีปัญหาที่ไม่สามารถหาทางแก้ไขได้โดยเร็ว หรือการประสบกับเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องรู้สึกเหนื่อยล้า ซึ่ง Positive thinking อาจจะฟังเป็นประโยคที่มีการใช้สำหรับเพื่อการปลอบประโลมใจ หรือทำให้สามารถก้าวผ่านปัญหาต่าง ๆ ไปได้
แต่ความเป็นจริงนั้น Positive thinking มีความสำคัญ และสามารถช่วยผลักดันให้คนๆหนึ่ง สามารถก้าวและเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากมีการเรียนรู้และปรับวิธีคิดอย่างถูกต้อง จะทำให้สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างราบรื่น พร้อมทั้งหากเกิดปัญหาใด ๆ ผู้ที่มี Positive thinking ก็จะสามารถเรียนรู้บทเรียนจากสิ่งที่ประสบได้เป็นอย่างดี
Positive Thinking คืออะไร ?
Positive thinking ไม่ใช่เพียงการเลือกคิดในมุมมองที่มีความสุขท่ามกลางปัญหา แต่ว่าสิ่งนี้คือการกำหนดวิธีคิดที่ทำให้สามารถพิชิตปัญหาทั้งน้อยใหญ่ พร้อมทั้งสร้างการเรียนรู้แม้ในสถานการณ์ที่มีความยากลำบาก โดย Positive thinking สามารถสร้างได้โดยทั้งการแนะนำจากผู้
ปกครองในวัยเด็ก หรือผ่านการเข้าใจบริบทและมุมมองจากผู้อื่นตลอดการเติบโต หรือเรียนรู้ประสบการณ์ในชีวิต
และแน่นอนว่า การสร้าง Positive thinking นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะการสร้างวิธีคิดเชิงบวก สามารถทำให้คนคนหนึ่ง สามารถเรียนรู้วิธีคิด และเข้าใจผู้อื่นได้ ส่งผลให้เกิดความสามารถในความเป็นผู้นำ และสามารถสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับผู้อื่น ทั้งในห้องเรียน การใช้ชีวิตโดยทั่วไป และการทำงาน
ข้อดีของการมี Positive Thinking
การสร้างความคิด Positive thinking ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่จะสามารถส่งเสริมให้คนคนหนึ่ง เข้าใจมุมมองที่แตกต่างของผู้คนที่จะต้องใช้ชีวิต หรือทำงานด้วย เท่านั้นยังไม่พอ การสร้างและการพัฒนาตนเองให้มี Positive thinking ยังช่วยทำให้สามารถก้าวผ่านปัญหาต่าง ๆ และสามารถสร้างการตกตะกอนความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการมี Positive thinking คือความสามารถในการมองหาโอกาสท่ามกลางสภาวะวิกฤติ ทั้งที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ หรืออาจจะแก้ไขปัญหาไม่ได้
พร้อมทั้ง ยังเป็นการให้อภัยตนเองในอดีต ทำให้เกิดการให้กำลังใจต่อตนเอง ที่จะสามารถเดินไปข้างหน้าและไม่เสียใจกับปัญหาต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้น จนไม่สามารถกล้าในการทำอะไรได้อีก ดังนั้นการสร้าง Positive thinking คือการเข้าใจตนเอง เข้าใจคนอื่น และที่สำคัญ คือการสร้างภูมิคุ้มกันหากเจอปัญหาต่าง ๆ ที่คนคนหนึ่งนั้น อาจจะต้องมีโอกาสพบเจอตลอดชีวิต
การคิดแบบ Negative Thinking
Positive thinking คือสิ่งที่ตรงกันข้ามกับ Negative Thinking อย่างชัดเจน และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าหากใครคนหนึ่งมีชุดความคิดที่เป็น Negative Thinking จะส่งผลเสียต่อการดำเนินชีวิตในภาพรวมอย่างเห็นได้ชัด เช่น เมื่อเกิดปัญหาใด ๆ ก็ตาม ก็จะมีการกล่าวโทษทุกสิ่ง รวมถึงการกล่าวโทษตนเองจนส่งผลให้เกิดความไม่เคารพตนเองอีกต่อไป ไม่สามารถสร้างกำลังใจในการเดินก้าวไปข้างหน้า ซึ่งไม่ใช่เพียงต่อตนเองเท่านั้น
เพราะหากมองกลับมาที่ใครคนหนึ่งนั้นใช้ชีวิตด้วยแนวความคิด Negative ตลอดเวลา อาจจะสร้างความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อผู้อื่น เพราะมักกล่าวโทษ หรือสื่อสารด้วยเนื้อความที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจผู้อื่น ดังนั้นการสร้าง Positive thinking จะสามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาได้ แม้อาจจะมีความยากสำหรับบางคน ในการอดทนสำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ แต่เมื่อมีทัศนคติที่ดี พร้อมสามารถเรียนรู้ชีวิตด้วยมุมมองที่ดี จะช่วยส่งผลดีมากกว่าอย่างแน่นอน
ทำยังไงให้มี Positive Thinking
การสร้าง Positive thinking ไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินไป หากผู้ปกครองนั้นสามารถเริ่มสร้างให้กับเด็ก ๆ ตั้งแต่อายุน้อย ด้วยการสร้างกิจกรรมเรียนรู้ในสถานการณ์ที่ต้องแก้ไขปัญหา โดยผู้ปกครองก็ควรมีการสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง และถอยออกมาบางครั้งให้เด็กเรียนรู้ด้วยตนเอง เพื่อท้ายที่สุดไม่ว่าตัวเด็กจะสามารถผ่านพ้นบททดสอบปัญหาน้อยใหญ่ได้หรือไม่ แต่กำลังใจและคำพูดที่ดีจากผู้ปกครองก็คือการสร้าง Positive thinking ที่มีพลังมากที่สุดให้กับเด็ก ๆ
แต่ในสำหรับผู้ใหญ่นั้น ด้วยการเติบโตที่แตกต่างกันของผู้คน อาจจะทำให้ประสบการณ์นั้นมีความหลากหลาย แต่ความสำคัญที่สุดที่จะสามารถสร้าง Positive thinking ได้ก็คือ การไม่ยอมแพ้ต่อปัญหาและการสร้างความคิดที่ย้ำเตือนตนเองว่า ยังมีความหวังและตัวเราสามารถสร้างกำลังใจให้กับตนเองได้เสมอ ไม่ว่าจะต้องพบเจอกับเหตุการณ์ใดก็ตาม สิ่งสำคัญก็คือยังมีวันนี้และวันข้างหน้า และมีความกล้าในการเดินก้าวต่อไป เพราะแม้จะยังไม่ถึงเส้นชัย แต่ในวันนี้ก็เข้าใกล้กว่าเดิม หากไม่หยุดเดินเสียก่อน
จะเห็นได้ว่า Positive thinking นั้นไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินไป แต่ก็ต้องอาศัยความพยายามและการมีทัศนคติที่ดีในการสร้างการเรียนรู้ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิต โดยในวันที่รู้สึกว่าอยากยอมแพ้ในหลาย ๆ ปัญหา และไม่อยากใช้วิธีคิดแบบ Positive thinking อีกต่อไปแล้ว หากนึกถึงผลเสียจาก Negative thinking อาจจะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันในการกล้าแก้ไขปัญหาต่อ ๆ ไปในชีวิตได้เป็นอย่างดี
การใช้ Positive Thinking กับการทำงาน และ การเรียนรู้
การใช้ Positive thinking นั้นมีความสำคัญและสามารถสร้างความแตกต่างระหว่างบุคคลอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในการทำงาน และการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ในชีวิต เพราะ Positive thinking เป็นสิ่งที่สามารถทำให้เกิดความง่ายในการเรียนรู้ หรือการทำงานได้เป็นอย่างดี ซึ่งสามารถยกตัวอย่างเหตุการณ์ได้ว่า คนคนหนึ่งกำลังเรียนรู้ทักษะที่มีความยาก และมีเวลาจำกัดในการเรียนรู้ ซึ่งหากสามารถเรียนรู้ได้สำเร็จ จะได้รับรางวัล โดยระหว่างการเรียนรู้นั้น ได้มีอุปสรรคและสิ่งที่ทำให้เห็นได้ว่า
ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหน ภายในเวลาที่กำหนดอาจจะไม่สามารถทำได้สำเร็จ ซึ่งอาจจะต้องเพิ่มเวลาในการเรียนรู้ และหากมีปัจจัยว่าคนคนนั้น มี Positive thinking ในการเรียนรู้ จะทำให้เกิดความพยายามในการเรียนรู้โดยไม่มองถึงเรื่องรางวัลมากนัก แต่อย่างน้อย การฝึกฝนและเรียนรู้จะทำให้เกิดความรู้ใหม่ และสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดในอนาคตได้ แม้ครั้งนี้จะไม่ได้รางวัลกลับไป และในทางกลับกัน หากคนคนหนึ่งเรียนรู้ด้วย Negative thinking จะทำให้ตนเองนั้นยอมแพ้ตั้งแต่ที่รู้ว่าจะต้องเรียนรู้สิ่งใด นั่นจึงทำให้เห็นความสำคัญของการมี Positive thinking ที่สามารถสร้างความแตกต่างระหว่างบุคคลได้เป็นอย่างมาก
5 วิธีคิดแบบบวกแบบง่ายๆ
การสร้าง Positive thinking จะช่วยทำให้เกิดการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญนั้น การสร้าง Positive Thinking ไม่ใช่เรื่องที่ยาก โดยสามารถทำการพัฒนาตนเองได้จากวิธีต่าง ๆ ด้านล่างดังนี้
1. ยอมรับและเรียนรู้จากเรื่องผิดพลาดที่เกิดขึ้น
หลาย ๆ คนนั้นอาจจะไม่สามารถสร้าง Positive thinking ที่ดีได้เพราะเหตุผลในการไม่สามารถก้าวข้ามปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในอดีต อย่างเช่นการตัดสินใจที่ผิดพลาดจนส่งผลเสียต่อการทำงานหรือความสัมพันธ์ โดยหากจะสร้าง Positive thinking ขึ้นมาได้ จำเป็นที่จะต้องทำการยอมรับและเรียนรู้บทเรียนจากข้อผิดพลาดที่เคยพลั้งทำไปในอดีต เพื่อสามารถเดินก้าวไปข้างหน้า พร้อมสามารถสร้างวิธีการป้องกันปัญหาเดิม ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
2. เมื่อเกิดวิกฤติ พยายามมองหาโอกาส
การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ นั้น มีวิธีการและโอกาสในการแก้ไขอยู่เสมอ คือสิ่งที่ต้องนึกไว้เสมอหากจะสร้าง Positive thinking เพราะการก้าวผ่านวิกฤตินั้นเป็นเรื่องที่อาจจะยาก แต่หากไม่มีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างวิธีการแก้ไขปัญหาได้ ก็จะไม่สามารถทำให้เกิดก้าวต่อไปได้ และที่สำคัญนั้นก็คือจะต้องพยายามมองหาโอกาสท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบากด้วยเช่นกัน
3. ให้กำลังใจตัวเอง
ทุกปัญหานั้นจะทำให้คน ๆ หนึ่งสามารถสูญเสียความเชื่อมั่นและกำลังใจได้ ดังนั้นหากจะสร้าง Positive thinking ในความคิด จำเป็นที่จะต้องให้กำลังใจตนเองให้มาก เพื่อสามารถก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากไปได้ แล้วเมื่อสามารถให้กำลังใจตนเองเป็นนิสัยได้ก็จะทำให้เห็นมุมมองชีวิตคิดบวกด้านอื่น ๆ ได้อีก
4. รู้จักตัวเองทั้งในด้านที่ดีและด้านที่ไม่ดี
Positive thinking ไม่ใช่เพียงการมองโลกในแง่ดี แต่ต้องทำความเข้าใจมุมมองในด้านอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะการเข้าใจจุดอ่อนหรือข้อผิดพลาดของตนเอง หากพยายามมองหาในครั้งแรกแล้วพบว่าตนเองมีข้อผิดพลาดเยอะนั้นก็ไม่เป็นไร เพราะว่าจริง ๆ แล้วคนเราสามารถมีข้อผิดพลาดที่มากได้ แต่หลังจากที่ทำความเข้าใจแล้วก็ต้องปรับปรุงและสร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่า
5. ขอบคุณให้บ่อยและปฏิเสธให้เป็น
การอ่อนน้อมถ่อมตน คือคุณสมบัติสำคัญที่สามารถดึงประสิทธิภาพในการสร้าง Positive thinking ได้เป็นอย่างดี ด้วยการรู้จักขอบคุณ และปฏิเสธในสิ่งที่เกินตัว ไม่ใช่เพราะตัวเรานั้นไม่มีน้ำใจ แต่การที่ตอบปากรับคำอะไรบางอย่างที่สุดท้ายแล้วตนเองไม่สามารถดูแลได้ ก็จะทำให้เกิดผลเสียขึ้นมาในภายหลังได้
สรุป Positive Thinking
การสร้าง Positive thinking เริ่มต้นที่วิธีคิด รวมไปถึงการสร้างความสามารถในการทำความเข้าใจทั้งตนเองและผู้อื่น ซึ่ง Positive thinking นั้นไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินไปในการทำความเข้าใจ เพียงแต่ต้องอาศัยความพยายามและการอดทนเพื่อพัฒนาตนเอง ให้สามารถเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ในหลาย ๆ มุมได้ และท้ายที่สุดคือการนำ มุมมองที่ดี มีประโยชน์มาเลือกใช้และสร้างสรรค์วิธีการเติบโตที่ดีกว่า